วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ภูเรือ จังหวัดเลย

อุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย
อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตด้านทิศเหนืออยู่ติดกับประเทศลาว รูปพรรณสันฐานของภูเรือมีรูปร่างลักษณะเหมือนเรือใหญ่บนยอดดอยสูงเป็นภูผาสีสันสะดุดตาหินบางก้อนมีลักษณะเหมือนถูกปั้นแต่งไว้ ชาวบ้านเรียกว่า “กว้านสมอ” โดยรอบๆ จะเห็นยอดดอยเป็นขุนเขาน้อยใหญ่ใกล้เคียงเป็นฝ้าขาวด้วยละอองน้ำ หมอก ปกคลุมไว้ท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 120.84 ตารางกิโลเมตร
ในปี พ.ศ. 2519 อธิบดีกรมป่าไม้ เดินทางมาราชการที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง นายสุจินต์ เพชรดี ปลัดจังหวัดเลย ได้ให้ความเห็นว่า ควรส่งเสริมป่าภูเรือให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด จากนั้นจังหวัดเลยจึงให้ทางอำเภอภูเรือสำรวจพื้นที่ป่าภูเรือ ซึ่งอำเภอภูเรือได้รายงานถึงจังหวัดเลยว่า พื้นที่ป่าภูเรือมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามสำคัญหลายแห่ง เช่น ป่าไม้ น้ำตก ทิวทัศน์ เหมาะที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้นของป่าภูเรือ ท้องที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ปรากฏว่า ป่าแห่งนี้อยู่ในเขตป่าหมายเลข 23 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2506 ให้รักษาไว้ให้เป็นป่าถาวรของชาติ
พื้นที่ป่าภูเรือประกอบด้วยทิวเขาสูง สลับซับซ้อนเรียงรายเป็นรูปต่างๆ น่าพิศวงสลับกับที่ราบเป็นบางส่วน สาเหตุที่ขนานนามว่า “ภูเรือ” เพราะมีภูเขาลูกหนึ่งมีชะโงกผายื่นออกมาดูคล้ายสำเภาใหญ่ และที่ราบบนยอดเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือตลอดจนมีธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ
กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2521 เห็นชอบให้กำหนดพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูเรือ ในท้องที่ตำบลอาฮี ตำบลท่าลี่ อำเภอท่าลี่ และตำบลลาดค่าง ตำบลหนองบัว ตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 96 ตอนที่ 124 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2522 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 16 ของประเทศ
ภูเรือ มีสภาพป่าหลายชนิดปะปนกันอย่างสวยงาม ทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดงดิบ ป่าสนเขา โดยเฉพาะยอดภูเรือ ประกอบด้วยป่าสนเขา สลับกับสวนหินธรรมชาติแซมด้วยพุ่มไม้เตี้ย สลับด้วยทุ่งหญ้าเป็นระยะ ไม้พื้นล่างที่พบโดยทั่วไป ได้แก่ กุหลาบป่า มอส เฟิน และกล้วยไม้ที่สวยงาม เช่น ม้าวิ่ง สามปอย ไอยเรศ เอื้องคำ เอื้องผึ้ง เอื้องเงิน ซึ่งขึ้นตามต้นไม้และโขดหิน กล้วยไม้เหล่านี้จะออกดอกบานสะพรั่งให้ชมสลับกันไปตลอดทั้งปี 
นอกจากนี้ ป่าภูเรือยังมีสัตว์ป่าที่ชุกชุมพอสมควร ที่พบบ่อย เช่น หมี เก้ง กวางป่า หมูป่า หมาไน ลิง พญากระรอกดำ ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ป่า และชุกชุมไปด้วยกระต่ายป่า เต่าเดือย เต่าปูลูและนกชนิดต่างๆ ที่สวยงามอีกมากมาย โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะอพยพมาจากประเทศจีนเป็นจำนวนมาก
 ด้วยอุทยานแห่งชาติภูเรืออยู่ที่จังหวัดเลย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของประเทศไทย และอยู่บนยอดเขาสูง จึงทำให้มีอากาศเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จนกระทั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าจะแข็งตัวกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ซึ่งมีภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “แม่คะนิ้ง” ผู้ที่จะไปพักผ่อนควรเตรียมตัวให้พร้อมที่จะผจญกับความหนาวเย็น








บ้านนาป่าหนาดหมู่บ้านไทดำเชียงคาน

ประวัติความเป็นมาไทยทรงดำบ้านนาป่าหนาด 
อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
ชาวไทยดำอยู่ที่เมืองแถงหรือแถน แต่เดิมเป็นเมืองใหญ่ของแคว้นสิบสองจุไท ปัจจุบันคือจังหวัดเดียนเบียนฟู อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศลาว (แคว้นล้านช้าง) ทิศเหนือติดกับตอนใต้ของประเทศจีน สิบสองจุไท ” 
กลุ่มชนชาวไทดำ มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไท ดังกล่าวไว้ในพงศาวดารเมืองไลว่า “ เมืองที่พวกผู้ไทดำอยู่นั้น คือเมืองแถงหนึ่ง เมืองควายหนึ่ง เมืองตุงหนึ่ง เมืองม่วยหนึ่ง เมืองลาหนึ่ง เมืองโมะหนึ่ง เมืองหวัดหนึ่ง เมืองซางหนึ่ง รวมเป็น 8 เมือง เมืองผู้ไทขาว 4 เมือง ผู้ไทดำ 8 เมืองเป็น 12 เมือง จึงเรียกว่าเมืองสิบสองผู้ไท แต่บัดนี้เรียก
เขตสิบสองจุไท บริเวณลุ่มแม่น้ำดำและแม่น้ำแดง ในเวียดนามภาคเหนือ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของ ไทดำ ไทแดง และไทขาว เมื่อ ฝรั่งเศสเข้าปกครองเวียดนาม ได้เรียกชนเผ่าที่อาศัยอยู่ลุ่มแม่น้ำดำว่า ไทดำที่เรียกว่าไทดำ เพราะชนดังกล่าวนิยมสวมเสื้อผ้าสีดำซึ่งย้อมด้วยต้นห้อมหรือคราม แตกต่างกับชนเผ่าที่อยู่ใกล้เคียง
การอพยพและการตั้งรกรากในไทย ชาวไทดำอพยพเข้ามาตั้งรกรากในไทยถึง 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีที่โปรดให้ไปตี เมืองเวียงจันทร์ได้ในปี พ.ศ. 2321 ดังได้กล่าวไว้ในประวัติชาติไทยว่า "แล้วปีรุ่งขึ้นโปรด ฯ ให้ยกกองทัพไปตีเมืองหลวงพระบาง ไปตีเมืองทัน เมืองม่วย เมืองทั้ง 2 นี้เป็นเมืองของไทซ่งดำ ตั้งอยู่ในเขตแดนญวนเหนือ แล้วพาครัวไทเวียง ไทดำ ลงมากรุงธนบุรี ในเดือนยี่ ไทซ่งดำให้ไปอยู่เพชรบุรี " ต่อมารัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณ พ.ศ. 2378 ก็ได้นำครอบครัวชาวไทดำเข้ามาอยู่ในไทยอีก ดังบันทึกของจอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีกล่าวไว้ เมื่อคราวเป็นแม่ทัพไปปราบฮ่อในสมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2430 ไว้ว่า “ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาธรรมา ฯ ยกกองทัพขึ้นมาเมืองถึงเมืองแถง จัดราชการเรียบร้อยแล้วได้เอาครัวเมืองแถงและสิบสองจุไทซึ่งเป็นไทดำลงมากรุงเทพ ฯ เป็นอันมาก เพราะขืนไว้จะเกิดการยุ่งยากแก่ทางราชการขึ้นอีกครั้ง แล้วพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้า ฯ ให้พวกไทดำเหล่านั้น ไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ ณ เมืองเพชรบุรี จนได้ชื่อว่า ลาวซ่ง จากหลักฐานการอพยพเข้ามาในไทยทั้งสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าไทดำหรือไทยทรงดำ มาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นแห่งแรกและจากคำบอกเล่าจากชาวไทยทรงดำเอง ก็บรรยายว่า เดินอพยพมาจากถิ่นฐานเดิมโดยทางเรือ มาตั้งถิ่นฐานที่ตำบลท่าแร้ง อำเภอบ้านแหลม ซึ่งเป็นบ้านชายทะเล ชาวไทยทรงดำไม่ชอบภูมิประเทศแถบนั้น จึงได้ย้ายถิ่นฐานมาเรื่อย ๆ จนถึงแถบอำเภอเขาย้อย ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นป่าเขาเหมือนกับถิ่นฐานเดิมจึงได้ตั้งบ้านเรือนอยู่อย่างหนาแน่น ต่อมาชาวไทยทรงดำก็ได้ย้ายถิ่นฐานไปทำมาหากินในที่อื่นๆ เช่น นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี พิจิตร ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
แต่ชาวไทยทรงดำในจังหวัดต่าง ๆ เหล่านั้นจะบอกที่มาเป็นแหล่งเดียวกันว่า มาจากจังหวัดเพชรบุรี
ความหมายของคำว่า"ไต" คือกลุ่มชาติพันธุ์คนไทยสาขาหนึ่งที่มีความเป็นอิสระ คำว่า "ดำ" หมายถึงการแต่งกายด้วยเครื่องนุ่งห่มสีดำ ชื่อเรียกขานในนาม "ไทยดำ" จึงมีความหมายโดยรวม ว่ากลุ่มชาติพันธุ์คนไทยสาขาหนึ่งในบรรดาหลายชนเผ่า ที่แต่งกายด้วยสีดำนั่นเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยดำด้วย ไทยดำได้ถูกอพยพเข้าสู่ดินแดนของประเทศไทยตั้งแต่สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ใน พ.ศ.2322 เมื่อกองทัพไทยไปตีเวียงจันทน์ แล้วกวาดต้อนไทยดำที่อพยพมาจากสิบสองจุไท ส่งไปตั้งถิ่นฐานที่บ้านท่าแร้ง อำเภอบ้านแหลม เมืองเพชรบุรี
ต่อมาได้กวาดต้อนเข้ามาเพิ่มเติมอีก ในสมัยรัชกาลที่ 1 ใน พ.ศ.2335 และสมัยรัชกาลที่ 3 ใน พ.ศ.2381 ก่อนจะย้ายมาตั้งถิ่นฐานบริเวณหนองปรงในปัจจุบัน และถือว่าแผ่นดินหนองปรงนี้ คือบ้านเกิดเมืองนอนของชาวไทยดำ มีการสืบเชื้อสายมาหลายชั่วอายุคนจนถึงปัจจุบัน และได้กระจายกันอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัด เช่น ราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี พิจิตร พิษณุโลก กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
ในสปป.ลาว ไทดำได้อพยพเข้าสู่หลวงน้ำทาในปี พศ.2438 เพราะเกิดศึกสงครามแย่งชิงอำนาจกันระหว่างบรรดาหัวหน้าของไทดำกลุ่มต่าง ๆ ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในหลวงน้ำทาที่บ้านปุ่งบ้านทุ่งดี บ้านทุ่งอ้ม บ้านน้ำแง้นและบ้านทุ่งใจใต้ ต่อมาเกิดความไม่สงบในสิบสองจุไทขึ้นอีก เนื่องจากศึกฮ่อซึ่งเป็นพวกกบฏใต้เผงที่ถูกทางการจีนปราบปรามแตกหนีเข้ามาปล้นสะดม และก่อกวนอยู่ในเขตสิบสองจุไท ทำให้ชนเผ่าไทดำอพยพจากเมืองสะกบและเมืองวา แขวงไลเจา เข้าตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านปุ่งบ้านนาลือและบ้านใหม่ ในปี พ.ศ.2439 เมื่อมีประชากรเพิ่มมากขึ้น จึงได้กระจายกันออกไปตั้งหมู่บ้านอยู่ทั่วเขตทุ่งราบหลวงน้ำทา ของสปป.ลาว 
ชาวไทยทรงดำ หรือ ลาวโซ่ง ซึ่งมีบรรพบุรุษและถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่เดียนเบียนฟู ประเทศเวียตนาม ย้ายเข้ามาตั้งถิ่น ฐานในแถบเมืองเพชรบุรี เป็นที่แรกในประเทศไทย เมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว กลุ่มที่ย้ายมาอยู่ในเมืองไทยนี้เป็นกลุ่มที่อาศัย อยู่ในประเทศลาว คนไทยแต่ไหนแต่ไรมาจึงเรียกชนกลุ่มนี้โดยใช้คำนำหน้าว่า “ชาวลาว” ซึ่งที่มาของชื่อชนกลุ่มนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ บ้างก็ว่ามาจาก “ไทสง” อันเป็นภาษาในสิบสองจุไท หมายถึงคนที่อาศัย ตามป่าเขา ต่อมาเพี้ยนเป็น ไทยโซ่ง แต่บ้างก็ว่าน่าจะเป็น ซ่วง ซึ่งมาจากคำว่า “ซ่วงก้อม” อันเป็นคำเรียกกางเกงผู้ชาย (มีลักษณะขายาวแคบ สีดำ) จึงเรียกกันว่า “ลาวซ่วงดำ” หรือ “ลาวโซ่ง” ภายหลังด้วยเหตุผลทางการปกครอง จึงเรียกว่า “ไทยโซ่ง” หรือ “ไทยซ่วงดำ” และ “ไทยทรงดำ




วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย

ภูป่าเปาะ นั้นมาจากภูเขาที่มีป่าไผ่เปาะ ไผ่เปาะ เป็นไผ่ชนิดหนึ่งที่ขึ้นได้ทั่วไปตามภูเขายังสามารถพบได้ทุกๆ อำเภอ ของจังหวัดเลย ลักษณะของ ไผ่เปาะนั้น เป็นไผ่ที่เปาะแตกหักง่าย และนี่คือที่มาของคำว่า ภูป่าเปาะ

ส่วนที่เป็นจุดเด่น และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ก็คือ การได้ขึ้นไปชมบรรยากาศ และมองเห็นยอดของ ภูหอ

ภูหอ” มีลักษณะเป็นภูเขาสูงปลายยอดตัดราบบนภู ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิยามา ที่ประเทศญี่ปุ่น จึงเรียกกันว่า “ฟูจิเมืองเลย” ภูหอ เป็นภูเขาที่มีลักษณะเด่นอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้น และยังเป็นสัญลักษณ์ของ ตำบลภูหอ อำเภอภูหลวงอีกด้วย เพราะภูหอลูกนี้ตั้งอยู่ในเขต ตำบลหอภู อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย
สถานที่ตั้งของ ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย
ภูป่าเปาะ ตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย 
ส่วนจุดชมวิวของ ภูป่าเปาะ นั้น จะมีทั้งหมด 4 จุด ซึ่งแต่ละจุดจะห่างกันประมาณ 200 เมตร ส่วนจุดยอดบนสุดสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา คือสามารถมองภูเขาได้รอบทิศทาง



วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ท่องเที่ยวภูเขาจังหวัดเลย


เที่ยวภูเขา


ทุ่งดอกปอเทือง
รูปภาพ:อี๊ด เมืองเลย

มาพักสายตาดูภาพสวยๆ สดชื่นๆกันบ้าง กับทุ่งดอกปอเทือง สถานที่ หน้าสำนักงานเทศบาลตำบลนาดินดำ อำเภอเมืองเลย ผ่านทางนี้แวะไปถ่ายรูปสวยๆกันได้จร้า

ภูผาหนอง


"ภูผาหนอง" ตั้งอยู่ที่บ้านนาโพธิ์ อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย มีจุดชมวิวหลายจุด ที่เด่นๆก็คือ"ผาหมวก"และ"ผาหนอง" สามารถมองเห็นบ้านนาแห้ว บ้านนาโพธิ์ บ้านเหมืองแพร่ฝั่งไทย และบ้านเหมืองแพร่ฝั่ง สปปล.(จุดสังเกตุอยู่ที่มีแม่น้ำเหืองกั้นแบ่งเขตแดน) ในฤดูหนาว และฤดูฝนจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยแห่งหนึ่งในอำเภอนาแห้ว การเดินทางมาเที่ยว"ภูผาหนอง"แนะนำให้มาโดยรถส่วนตัว ขับรถจากตัวอำเภอนาแห้วบนถนนหมายเลข 2113 ประมาณ 3 กม. เลี้ยวขวาตรงบ้านนาโพธิ์ ทางแยกไปบ้านปากหมัน บนถนนหมายเลข 2195 ขับรถไปประมาณ 1 กม. จะสังเกตเห็นป้ายอยู่ฝั่งขวามือ ทางขึ้น"ภูผาหนอง" เป็นถนนคอนกรีดขึ้นไปประมาณ 100 เมตร มีลานกว้างสามารถจอดรถได้ และมีห้องน้ำไว้บริการ (ตรงนี้สามารถกางเต้นท์นอนได้) หลังจากนั้นก็เดินเท้า ผ่านทางชันเล็กน้อยสลับกับทางเรียบ ประมาณ 700 เมตร ขึ้นไปยังจุดชมวิวยอดฮิตบนภูผาหนองนั้นก็คือ"ผาหมวก" เดินเลย"ผาหมวก"ไปประมาณ 500 เมตร ก็จะถึง"ผาหนอง" ผานี้จะสูงกว่าผาหมวก มีหนองน้ำอยู่ข้างบนผาเป็นที่มาของชื่อ"ผาหนอง" หนองน้ำที่อยู่บนผาหนองแห่งนี้จะมีน้ำตลอดปี(ไม่เคยแห้ง) บนผาหนองสามารถชมวิวได้ 360 องศา และเป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยมากๆ 



ภูบ่อบิด




ประวัติแก่งคุดคู้

ประวัติแก่งคุดคูั

"แก่งคุดคู้" สถานที่ท่องเที่ยวฮิตของ อ. เชียงคาน จ. เลย เชื่อหรือไม่ว่าเขามีตำนานเล่าต่อกันมา
นานแล้วมีพรานป่าคนหนึ่งชื่อ “จึ่งขึ่งดั้งแดง” รูปร่างสูงใหญ่ล่ำสัน มีฝีมือในการล่าสัตว์ วันหนึ่งนายพรานผู้นี้ตามล่าควายเงินมาจากหลวงพระบาง (ที่เรียกควายเงินเพราะมูลของควายตัวนี้เป็นเงิน) พอมาถึงริมน้ำโขงเห็นควายเงินพักกินน้ำ นายพรานจึงดักซุ่มยิง พอดีชาวบ้านแล่นเรือผ่านมา ควายเงินตกใจตื่นเตลิดขึ้นไปบนเขาลูกหนึ่ง (ต่อมาเขาลูกนี้ได้ชื่อว่า"ภูควายเงิน") นายพรานเลยยิงไปถูกเขาอีกลูกจนพังทลายไปซีกหนึ่ง กลายเป็นหน้าผาสูงชัน ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ภูผาแบ่น”
นายพรานโกรธคนที่แล่นเรือผ่านซึ่งเป็นต้นเหตุให้ควายเงินหนีไป จึงกลั่นแกล้งด้วยการขนหินมาขวางกั้นลำโขงไม่ให้เดินเรือได้ นายพรานทำการเกือบจะสำเร็จ ก็พอดีมีสามเณรรูปหนึ่งมาเห็นเข้า เณรนั้นออกอุบายหลอกให้นายพรานใช้ไม้เฮียะ (ไม้ใผ่ชนิดหนึ่ง) ผ่าซีกหาบหินแทน ไม้เฮียะผ่าแล้วจะเป็นสันคมกริบ เมื่อนายพรานใช้หาบหิน ไม้นั้นก็บาดคอนอนตายคุดคู้อยู่ที่ริมโขงนั้นเอง แก่งหินนั้นจึงเรียกว่า “แก่งคุดคู้”
 ผลจากการที่นายพรานขนหินมาวางขวางทำให้กลางน้ำโขง มีหลายแก่งหลายแห่ง มีชื่อเรียกต่างๆ เช่น แก่งฟ้า แก่งจันทร์ เป็นต้น แก่งเหล่านี้แม้จะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางในลำน้ำโขงมาแต่โบราณ แต่ก็เป็นบริเวณที่มีปลาเข้ามาอยู่อาศัยอย่างชุกชุม

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สอนทำเกลือสินที่จังหวัดเลย

"นานาธานีโฮมสเตย์" อ.นาแห้ว จ.เลย ที่พักโฮมสเตย์เปิดให้นักท่องเที่ยวที่มาพักและสอนวิธีการทำเกลือสินเธาว์แบบวิถีชาวบ้านให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย เลทือสินเธาว์เป็นเกลือที่ชาวอีสานไว้ใส่มนอาหารและหมักดองต่างๆ เช่น ปราร้า ปลาเค็ม ที่พักเป็นแหล่งธรรมชาติที่ร่มรื่น ที่พักใกล้ชิด สัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง



ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.outloei.com

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

การวางแผนกลยุทธ์

การวางแผนกลยุทธ์
ภารกิจ ( mission )
              ภารกิจของเพจวังสะพุงออนไลน์ เพจนี้จะเป็นเพจที่บอกเล่าสถาที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม ประเพณี เทศกาล อาหารการกิน ชีวิตและความเป็นอยู่ของชาววังสะพุงและจังหวัดเลย

โครงสร้างของบริษัท ( company profile )
               ชื่อบริษัท : วังสะพุงออนไลน์
                ปีที่ก่อตั้ง : ปี 2016 
                ช่องทางการเข้าถึง : เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และบล็อกของวังสะพุงออนไลน์
                ลักษณะของกิจการ : เป็นเพจที่มีผู้ดูแลเพียงคนเดียวที่คอยจัดการคัดกรองดูแล
ข้อมูลข่าวสารก่อนที่จะแผยแพร่ภายในเพจ

วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก
จุดแข็ง
- เพจของเราจะมีการนำเสนอที่น่าสนใจมีทั้งภาพและวิดีโอ
- ทางเพจมีการอัพเดตข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
- สามารถที่จะโต้ตอบกับูกเพจได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
-ทันเหตุการณ์
จุดอ่อน
- เป็นเพจที่ยังำม่ค่อยมีคนรู้จัก
-การอัพดตยังคงล่าช้าเพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่
- ไม่มีการโฆษณาที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้า
โอกาส
- โอกาสที่เพจจะเป็นที่รู้จักได้อย่างแพร่หลาย
- ประชาสัมพันธ์และโปรโมทข่าวสารในอำเภอวังสะพุงและในจังหวัด
อุปสรรค
- การเข้าถึงสื่อมวลชนในอำเภอวังสะพุงยังคงมีน้อย
- ประชาชนในพื้นที่เลือกที่จะฟังข่าวสารในวิทยุ และโทรทัศน์มากกว่าสื่อที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพราะต้นทุนสูง
- คนในพื้นที่มักติดตามข่าวสารได้ยากจะเชื่อเฉพาะเพจที่คุ้นเคยและมีมานาน

วัตถุประสงค์
1. เพื่อต้องการแพร่กระจายข่าวสารให้เป็นที่รู้จักและคนในพื้นที่ได้ติดตามข่าวสาทันเหตุการณ์
2. เพื่ออนุรักษ์สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน และวัฒนธรรมของอำเภอวังสะพุง และจังหวัดเลย
3. ส่งเสริมให้คนในพื้นที่รักบ้านเกิดและนำทัศนะออกมาแสดงหรือสถานที่แปลกใหม่ที่น่าสนใจ

แผน ( plane )
         ภายในระยะเวลา 2 เดือน ทางเพจวังสะพุงออนไลน์จะให้ลูกเพจหรือประชาชนทั่วไปสามารถที่จะมาโพสต์ภาพหรือโพสต์สถานที่ที่ประทับใจในวังสะพุงหรือจังหวัดเลยได้ หรืออาจจะมาแนะนำให้ทางเพจโปรโมทร้าน และสาารถพูดคุยโต้ตอบแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับแอดมิน

นโยบาย ( policies ) 
            นโยบายของเพจวังสะพุงออนไลน์คือใส่ใจในข้อมูลข่าวสารและลูกเพจ มุ่งเน้นที่จะนำเสนอข่าวสารเรื่องราวเกี่ยวกับอำเภอวังสะพุงและจังหวัดเลย

การปฎิบัติตามแผนกลยุทธ์ ( straegy implementation )
- เตรียมการวางแผนโปรโมทเพจให้เป็นที่รู้จัก 
- ประชาสัมพันธ์ให้สามารถที่จะมาโพสต์ภาพ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้

ภูเรือ จังหวัดเลย

อุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตด้านทิศเหนืออ...